คู่มือ SEO สำหรับมือใหม่

Jimbe Allen
23/04/2023
คู่มือ SEO สำหรับมือใหม่

Google ให้นิยาม Search Engine Optimization หรือ SEO ว่าคือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องมือค้นหา โดยสร้าง ปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีศักยภาพในการแสดงผลในเครื่องมือค้นหา อีกนัยหนึ่ง SEO สามารถช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏบ่อยขึ้นในการค้นหา

เข้าใจไหม? ถ้ายังงง จะอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ดังนี้

ในวันอาทิตย์ วันหยุดสุดสัปดาห์ เราอยากจะออกจากบ้านไปหาร้านกาแฟเก๋ ๆ แถวบ้าน นั่งชิล ๆ จิบอเมริกาโนร้อน ๆ พร้อมเค้กอร่อย ๆ แต่เราไม่รู้จะไปที่ไหน มีร้านอะไรอยู่แถวนี้บ้าง เราก็เข้าระบบอินเทอร์เน็ต เข้าเว็บไซต์ Google.com แล้วพิมพ์คำว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” ลงไปในช่องค้นหา จากนั้น Google ก็จะแสดงผลการค้นหาออกมาเป็นรายชื่อร้านกาแฟมากมาย พร้อมข้อมูลต่าง ๆ 

จากตัวอย่างด้านบน Search Engine หรือ เครื่องมือค้นหา ก็คือ Google.com หรือเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่ค้นหาเรื่องที่เราต้องการ ที่เรารู้จักกันดีนอกจาก Google.com แล้วก็ยังมี Bing.com Yahoo.com

ส่วนคำที่เราพิมพ์ค้นหาว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” เรียกว่า Keyword

ทีนี้ผลการค้นหา รายชื่อร้านกาแฟพร้อมข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละร้านที่แสดงผลออกมานั้น รายชื่อเหล่านี้มาจากไหน ทำไมถึงเรียงลำดับในแบบที่เราเห็น บางร้านที่เราเคยขับรถผ่านก็เห็น ๆ ว่าร้านอยู่ใกล้แถวบ้านเราเช่นกัน แต่กลับไม่มีชื่อปรากฎในรายชื่อของผลการค้นหา เพราะอะไร

คำตอบคือ ร้านกาแฟเหล่านั้นทำการ Optimization หรือแปลตรงตัวว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพ” ให้กับเว็บไซต์ของตัวเอง

ดังนั้น Search Engine Optimization หรือ SEO คือการทำข้อมูลในเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ Search Engine หาเจอ แล้วนำออกมาแสดงผล เมื่อมีคนค้นหาด้วย Keyword ที่ตรงกับเนื้อหาในเว็บไซต์เรา

ทำไมต้องทำ SEO จำเป็นไหม?

ในโลกยุคการตลาดดิจิทัล สื่อออนไลน์เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์หลักของทุกธุรกิจ ประชาชนทุกคน (ลูกค้า) มีสมาร์ทโฟนติดตัว สามารถเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ทุกที่และทุกเวลา ดังนั้นการ SEO จะทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จัก ให้ลูกค้าเห็นข้อมูลธุรกิจของเราก่อนคู่แข่ง จะเปิดโอกาสในการปิดการขายให้มากกว่า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับราคาสื่อประชาสัมพันธ์อื่น ๆ

SEO ทำอย่างไร?

การทำ SEO คือ การสร้างเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มี Keyword มากพอที่ Search Engine จะสามารถค้นเจอแล้วนำมาแสดงผล ดังนั้นความยากหรือง่ายไม่ได้อยู่ที่วิธีการสร้างเนื้อหาแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่การจะเลือกใช้ Keyword อะไรให้เหมาะสมกับเว็บไซต์หรือหน้าเพจของเราด้วย รวมไปถึงการออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine หรือ Google ซึ่งต้องอาศัยความรู้ด้านเทคนิคพอสมควรทีเดียว

มีบริษัทรับทำ SEO อยู่มากมาย ทั้งดีและไม่มี แต่เราควรจะศึกษาทำความเข้าใจ SEO ให้ดีเสียก่อน ค่อยตัดสินใจเลือกจ้างคนอื่นทำ หรือเราจะลงมือทำเอง

Organic Traffic vs. Paid Traffic – ฟรี vs. จ่ายเงิน

การให้ Search Engine แสดงผลเว็บไซต์ของเรามี 2 แบบ แบบฟรี กับ จ่ายเงิน

แบบฟรี ๆ ที่เรียกว่า Organic Traffic ทำโดยการสร้างเนื้อหาในเว็บไซต์โดยใช้ Keyword แบบที่กล่าวไปแล้วข้างต้น แบบนี้เราไม่ต้องเสียเงินโฆษณาให้ Google แต่อาศัยการทำงานสม่ำเสมอและต้องใช้เวลา

อีกแบบเรียกว่า Paid Traffic คือจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาให้ Google เวลาแสดงผล เว็บไซต์ที่จ่ายเงินนี้จะอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าเว็บไซต์แบบฟรี โดยจะมีคำว่า “Ad” อยู่ข้างหน้าชื่อเว็บไซต์

จริง ๆ แล้วการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO ยังมีรายละเอียดมากกว่านี้ หวังว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้จะทำให้การยอดศึกษาเรื่อง SEO ให้ลึกและกว้างต่อไปง่ายขึ้น และสามารถนำไปปรับไปกับเว็บไซต์ของคุณได้

เลือกบริษัทให้บริการทำ SEO ยังไง ดันธุรกิจให้ไกลกว่าที่คิด

Jimbe Allen
08/04/2023
เลือกบริษัทให้บริการทำ SEO ยังไง ดันธุรกิจให้ไกลกว่าที่คิด

บริษัทที่ต้องการดันอับดับเว็บไซต์ให้ติดท็อปบนหน้าแสดงผล อาจจะต้องใช้บริการบริษัททำ SEO ที่มีอยู่มากมายหลายเจ้าในตลาด การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมีเทคนิคหลายอย่างที่สามารถหยิบยกมาใช้ได้ โดยผู้ทำ SEO ควรมีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างลงลึก แต่จะรู้ได้ยังไงว่าใครเก่งจริงหรือไม่จริง นักธุรกิจคงสับสนว่าจะเลือกใช้บริการของบริษัทไหนดี สิ่งนี้สามารถพิจารณาได้จากหลายปัจจัยที่จะนำมาอธิบายดังต่อไปนี้

  1. เลือกบริษัทที่เน้นเรื่องการพัฒนาธุรกิจ

ถ้าเจอบริษัทที่โฆษณาแค่เรื่องอันดับอย่างเดียว ต้องตัดทิ้งออกไปได้เลย บริษัท SEO ที่ดีต้องเน้นพัฒนาธุรกิจเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้ามาเป็นลูกค้าต่างหาก เพราะต่อให้อันดับดี แต่ไม่สามารถสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สามารถดึงดูดใจลูกค้าเอาไว้ให้อยู่หมัดได้ สุดท้ายยอดขายที่สร้างรายได้จะไม่เกิดในท้ายที่สุด

  1. ไม่ทำ Black Hat SEO

ต้องสอบถามอย่างชัดเจน และควรหารีวิวของบริษัทให้ละเอียดว่ามีการสอดไส้การทำ Black Hat SEO เช่น การยัดคีย์เวิร์ดที่ไม่มีคุณภาพ การซ่อนคีย์เวิร์ดเอาไว้ การใส่สแปมหรือไม่ เพราะสิ่งนี้เป็นการทำ SEO ที่ไม่ยั่งยืน ถึงลำดับจะขึ้นได้เร็ว แต่สุดท้ายจะถูกลงโทษจาก Search Engine จนไม่ปรากฎบนลำดับการค้นหาในท้ายที่สุด ถึงการทำ SEO แบบตรงไปตรงมาจะจุกจิก ยุ่งยาก และใช้เวลานาน แต่สิ่งเหล่านั้นคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน

  1. มีการทำสัญญาที่ชัดเจน

ไม่ว่าจะตกลงทำการซื้อขายบริการกับใครต้องกำหนดให้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะบริษัททำ SEO นั้นเปิดง่าย และไม่ได้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดนัก จึงอาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา จนเจ้าของธุรกิจอาจโดนหลอกลวงจนเสียผลประโยชน์ได้

  1. อย่าเลือกบริษัทที่มีการการันตีอันดับ

คนทำ SEO ที่มีคุณภาพไม่สามารถการันตีอันดับได้อย่างแน่นอน ถ้ามีบริษัทไหนพูดว่าสามารถดันเว็บให้ขึ้นสู่อันดับ 1 ได้ ต้องสงสัยไว้ก่อนเลยว่าทำ Black Hat SEO หรือเปล่า ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าให้ความสำคัญกับอันดับมากกว่าคุณค่าของธุรกิจ ควรเลือกใช้แนวทางที่ดึงดูดลูกค้าคุณภาพเข้ามาซื้อสินค้าจะดีกว่า

  1. อย่าเลือกบริษัทที่โฆษณาว่าทำให้ติดอันดับได้ในเวลา 1-2 เดือน

การทำ SEO ให้ประสบผลสำเร็จอย่างตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์การทำ SEO มีรายละเอียดมากมายหลายอย่าง เนื้อหาคุณภาพที่ใช้ทำ SEO ไม่ได้สร้างขึ้นง่าย ๆ ภายใน 1-2 วัน แถมเนื้อหาที่ใช้ยังต้องมีปริมาณมากพอสมควร ดังนั้นต้องขอให้ผู้ประกอบการใจเย็น ๆ ไม่อย่างนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของพวกทำ Black Hat SEO ได้

แนวทางการเลือกบริษัททำ SEO ที่กล่าวไปเป็นข้อสังเกตเบื้องต้น ขอให้เจ้าของธุรกิจหาข้อมูลดี ๆ และนำวิธีการเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในการเลือกจ้างบริษัททำ SEO ที่มีคุณภาพ ไหน ๆ จะลงทุนทำการตลาดออนไลน์ทั้งทีขอให้เลือกจากทั้งคุณภาพทางเทคนิคและคุณภาพของเนื้อหา จึงจะสามารถดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างใจฝัน 

ทำความรู้จักส่วนขยาย Firefox สำหรับ SEO แบบไหนดีที่สุด

Jimbe Allen
30/03/2023
ทำความรู้จักส่วนขยาย Firefox สำหรับ SEO แบบไหนดีที่สุด

กลยุทธ์การตลาดในการแข่งขันการทำ SEO นับวันยิ่งค่อย ๆ มีอัตราการแข่งขันที่สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะด้วยการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ Google ที่เริ่มออกทะเลไปไกลมากขึ้นทุกวันเพื่อให้คนทำต่างต้องปรับตัวเพื่อให้เท่าทันได้ในทุก ๆ วันและในวันนี้เราก็มีส่วนขยายเจ๋ง ๆ จาก Mozilla Firefox มานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกแก่ใครที่กำลังต้องการกลยุทธ์ในรูปแบบอื่น ๆ ในการนำไปปรับใช้ให้เข้ากับการทำ Search Engine Optimization ในการทำธุรกิจของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

รู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา Mozilla Firefox ได้กลายมาเป็นเบราว์เซอร์ที่มีส่วนแบ่งของตลาดเบราว์เซอร์มากถึง 7.66 เปอร์เซ็นต์หรือเทียบได้ก็คือการได้รับเป็นที่นิยมสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกในช่วงขณะนี้และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกอันน่าสนใจสำหรับใครที่กำลังต้องการอยากปรับปรุงเว็บไซต์ SEO เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ส่วนขยายของ Firefox นั่นเอง แต่จะมีส่วนขยายในรูปแบบไหนบ้างนั้น เดี๋ยวเราลองไปเช็คอ่านกันเลย

1. Ahrefs SEO Toolbar 

มาเริ่มที่ตัวแรกกันเลยกับส่วนขยายของ Mozilla Firefox ด้วย Ahrefs SEO Toolbar ที่มีคนในวงการต่างบอกเป็นเสียงการันตีเดียวกันว่าใช้ดีมากๆ และยังมีความสามารถในการนำเสนอตัวชี้วัด SEO จุดที่สำคัญที่สุดในส่วนของเบราว์เซอร์เพื่อให้เข้าถึงหน้าหลักกับตัววัดคำหลักได้ทันท่วงทีพร้อมกับยังมีการจัดประเภท URL ( UR ) อันเป็นเรื่องของปริมาณการค้นหาทั่วไปและอื่น ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว

2. SEOquake 

ในส่วนขยายลำดับที่ 2 ของ Mozilla Firefox ที่อยากนำเสนอก็ต้องลองใช้ด้วยชุดนี้เลยกับ SEOquake อีกหนึ่งส่วนขยาย SEO ฟรีที่จะมีให้เมตริก SEO ที่มีความสำคัญในหน้าเว็บไซต์แบบเฉพาะพร้อมกับเครื่องมือมากประโยชน์อีกหลากหลายตัวช่วยดังเช่นเครื่องมือตรวจสอบเอสอีโอ, รายงานเรื่องความหนาแน่น Keyword หรือจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ลิงก์ทั้งภายในหรือภายนอก ซึ่งหากคุณติดตั้ง SEOquake บน Firefox ก็สามารถทำได้ทันที

3. Foxy SEO Tool

และในส่วนขยายลำดับที่ 3 ของ Firefox ก็ต้องนี่เลยกับ Foxy SEO Tool อันเป็นโปรแกรมพิเศษที่จะให้คุณสามารถเข้าถึงฟังก์ชันในเรื่องของ Search Engine หรือเครื่องมือการค้นหาและการวิเคราะห์ยอดปริมาณของการใช้งานเว็บไซต์แบบไวปานสายฟ้าดังเช่น Compete, Alexa และ Semrush เพราะฉะนั้นเครื่องมือเหล่านี้มีความสามารถที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบรายชื่อเว็บไซต์ใน directory สำคัญได้ดังเช่นการอ้างอิงข้อมูล Twitter หรือ Facebook นั่นเอง

4. Link Research SEO Toolbar

ลำดับสุดท้ายของส่วนขยาย Firefox กับ Link Research SEO Toolbar ที่มีประโยชน์ให้ผู้ใช้สามารถเช็คดูเมตริกเอสอีโอพร้อมกับยังสามารถให้ดูจำนวนลิงก์ย้อนกลับส่วนที่มีหน้าหรือเช็คดูการเปลี่ยนแปลงในจำนวนลิงก์ได้อีกด้วยบอกได้เลยว่า Link Research SEO Toolbar มีความสำคัญต่อการทำเอสอีโอเป็นอย่างมากเลยเช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังต้องการกลยุทธ์ใหม่ ๆ หรือรูปแบบในการทำ SEO ในมุมที่แตกต่างจากเดิมรับรองได้ว่าการใช้ประโยชน์จากส่วนขยายต่าง ๆ ของ Mozilla Firefox จะเป็นอีกตัวช่วยให้ธุรกิจคุณสามารถพัฒนาต่อไปได้และที่สำคัญบางส่วนขยายยังสามารถใช้ฟรีได้อีกด้วย

เผยเคล็ดลับทำ On Page SEO ให้ปัง มีคุณภาพจากข้างใน เพื่อผลลัพธ์การจัดอันดับจาก Google

Jimbe Allen
16/03/2023
ผยเคล็ดลับทำ On Page SEO ให้ปัง มีคุณภาพ

เป็นที่รู้กันว่าการที่จะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าค้นหาของ SEO จำเป็นที่จะต้องทำเว็บให้มีคุณภาพ แต่จะทำอย่างไรให้มีคุณภาพและถูกหลักอัลกอริทึมของ Google วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับการทำ SEO On Page ให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อที่จะให้หน้าเพจของตนเองติดอันดับการค้นหาได้

On Page SEO คืออะไร

On Page SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ตามข้อกำหนดและแนวทางให้ตรงตามเงื่อนไขของ Google เพื่อให้สามารถติดอันดับหน้าค้นหา โดยมีด้วยกัน 7 ข้อหลัก ๆ ได้แก่

  1. การเลือกใช้รูปภาพ Original

การทำเพจหรือเว็บไซต์จำเป็นที่จะต้องมีรูปภาพเป็นส่วนประกอบ เพื่อใช้ในการดึงดูดคนดู โดยเฉพาะรูปภาพที่เป็น Original มีความสวยงาม คมชัด ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ในเว็บไซต์ ไม่ใช่รูปภาพจากการ copy หรือละเมิดสิทธิ์ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหามากที่สุด เพราะหมายถึงเว็บที่ทำเป็นต้นฉบับและมีความน่าเชื่อถือนั่นเอง

2. เขียนบทความให้มีเนื้อหาครอบคลุมและเกี่ยวกับสินค้าภายในเพจ

การเขียนบทความในเชิงความรู้หรือให้ข้อมูลสามารถที่จะสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้ โดยเฉพาะบทความที่ครอบคลุมทุกรายละเอียดของการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมี keyword ที่ตรงประเด็นกับเรื่องราวที่นำเสนอ ก็จะยิ่งช่วยให้ SEO เกิดการโปรโมทเพจหรือเว็บไซต์ในลำดับต้น ๆ ได้

3. ลดความหน่วง เพิ่มความเร็ว

การใช้สคริปต์ เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อนำเสนอให้เพจมีความสวยงามและน่าสนใจถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหน้าเพจมีการโหลดที่ช้า ไม่ทันต่อความต้องการของคนดูในปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าคนดูจะทำการเลื่อนผ่านหรือคลิกหนี้ให้ไวและนี่เป็นส่วนหนึ่งของ SEO ที่ใช้ในการประเมินคุณภาพของเว็บไซต์ ดังนั้น ความปรับแต่งฟีเจอร์ที่จำเป็นและสำคัญจริง ๆ มากกว่าที่จะใส่ลูกเล่นพิสดารจนเว็บไซต์ไม่สามารถโหลดหน้าเพจได้หรือโหลดได้ก็ใช้เวลานาน

4. ตรวจสอบ Link ภายในให้สามารถใช้งานได้

คงไม่ดีแน่หากลิงก์ภายในคลิกแล้วไม่ไปตามหน้าเพจที่ต้องการ ก่อนที่จะทำการอัปโหลดเว็บไซต์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบลิงก์ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงถึงกัน หากพบว่าคลิกแล้วไม่สามารถโหลดหน้าเพจที่เชื่อมถึงกันได้ ควรรีบแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่ Bot จะไม่ประเมินคะแนน 

5. รองรับการใช้งานทุก Device

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันคนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป เพราะมีความสะดวก พกพาง่าย การที่จะทำเว็บไซต์จะต้องทำและออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานผ่านมือถือด้วย 

6. การเลือกใช้ Key Word และ Lsi Key word ที่เหมาะสม

การเขียนบทความ คอนเทนต์ต่าง ๆ ลงเว็บไซต์การเลือกใช้ Key word เพียงลำพังอาจจะไม่เพียงพอ เพราะ Bot ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเว็บไซต์มีความฉลาดขึ้นและเข้าใจถึงบริบทของ Key word ต่าง ๆ ได้ดี การให้คำอธิบายเกี่ยวกับ Keyword ที่เกี่ยวข้อง หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายคอนเทนต์ที่ทำอยู่ อย่างเช่นการทำหน้าเว็บผลบอล เราก็อาจจะมีKey word ในนการค้นหาคำ เช่น โปรแกรมบอล เป็นต้น ก็จะช่วยให้ Bot สามารถประมวลผลและเข้าใจในสิ่งที่คนทำเว็บนำเสนอได้ เช่น หากเราทำเว็บเกี่ยวกับมือถือแบรนด์หนึ่ง โดยใช้ Key word ว่า Apple อาจหมายถึงผลไม้ หรือ สมาร์ทโฟนชื่อดัง ก็เป็นได้ หากผู้นำเสนอไม่ขยายความคำว่า Apple  Bot อาจมองดูว่าเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บขายผลไม้ก็เป็นได้และการใช้ LSI ยังสามารถลดการสแปมของ Key word ลงด้วย

การทำ On Page Seo นับเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการทำเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้การจัดอันดับหน้าค้นหาของ Google ได้ ยิ่งถ้าหากทำออกมาได้ดีมีคุณภาพ บางครั้งการโปรโมทเว็บหรือซื้อโฆษณาอาจไม่จำเป็นก็ได้

ทำ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google อย่างรวดเร็ว

ทำ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google อย่างรวดเร็ว

โดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่บน Google ในหน้าแรกและลำดับต้นๆ มักจะมีคนคลิกเข้าไปดูบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่หน้าถัดไป จึงทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมมากขึ้น และการที่เว็บไซต์ร้านค้าของคุณอยู่อันดับต้น ๆ ก็จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แล้วเราควรทำเว็บไซต์อย่างไรจึงจะติดอันดับบน Google ตามไปดูกันเลย

ขั้นตอนการทำ SEO ให้ติดอันดับ

SEO ย่อมาจาก Search engine optimization เป็นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและติดอันดับบน Google เพื่อให้ผู้คนมองเห็นเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบ และเนื้อหาบนเว็บไซต์ ขั้นตอนเหล่านี้อาจจะเป็นเพียงภาพกว้าง ๆ ในการทำ SEO ให้ติดอันดับแรกๆอย่างรวดเร็วได้ ช่วยให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นได้และเป็นโอกาสที่ทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยไม่ต้องเสียเงินยิง Ads

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ ในการเลือกใช้คีย์เวิร์ดควรเลือกใช้คำที่คนส่วนใหญ่มักจะใช้ค้นหากันและมีปริมาณการค้นหาจำนวนหนึ่ง การใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงในเว็บไซต์ธุรกิจจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเปลี่ยนผู้ชมเว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าได้

เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องมีคุณภาพ อ่านง่าย มีความยาวไม่น้อยกว่า 500 คำ และใส่คีย์เวิร์ดในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากจนเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจจะทำให้ Google ตรวจจับไม่เจอ หรือเยอะเกินไปจน Google มองว่าเป็นสแปม

ออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย เขียนบทความโดยอิงตามโครงสร้างของ SEO คอนเทนต์บนเว็บไซต์ต้องมีความสดใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ บทความที่ดีควรสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ก๊อบปี้คนอื่น ถ้ามีการแปะลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพก็ช่วยให้คะแนนของเว็บไซต์สูงขึ้น

SEO กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ไม่ควรมองข้าม

ทุกวันนี้ผู้คนพึ่งพาการค้นหาบน Google จำนวนมากและพฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่มักจะสืบค้นบนอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือทำอะไร เมื่อมีคนค้นหาสินค้าเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา แล้วเว็บไซต์ของเราปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของ Google ก็จะทำให้เว็บไซต์ของเราดูน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ SEO จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ในปัจจุบันการทำ SEO กับเว็บไซต์มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เพราะจะทำให้ธุรกิจของคุณเกิดรายได้มากมาย เพียงแต่ใช้เวลาและมีเคล็ดลับในการทำ SEO เราก็สามารถทำให้เว็บไซต์ของเราไปปรากฏบนลำดับต้น ๆ ได้แล้ว

อธิบายการทำ SEO แบบเข้าใจง่าย

Jimbe Allen
11/01/2023
อธิบายการทำ SEO แบบเข้าใจง่าย

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ ในการค้นหาผ่านคีย์เวิร์ด (keyword) หรือ คำค้นหา ทำให้เว็บไซต์ถูกค้นหาง่าย ส่งผลให้มีคนเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าหรือบริการ

ขั้นตอนการทำ SEO มีดังนี้

1. สร้างเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการทำ SEO

โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี จะทำให้โปรแกรมเก็บข้อมูล (Bot) ที่ Search Engine ส่งไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ เก็บข้อมูลง่าย เข้าใจเนื้อหาและความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ได้ง่าย ส่งผลให้แสดงผลเมื่อมีการค้นหาได้ง่ายขึ้นด้วย

โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีนอกจากจะให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อการทำ SEO แล้ว ยังทำให้ผู้เข้าเว็บไซต์มีความพอใจและมีประสบการณ์ที่ดีจากการใช้เว็บไซต์จากการที่ได้ข้อมูลที่รวดเร็วและครบถ้วน

โครงสร้างหรือแผนผังเว็บไซต์ประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วนคือส่วนเนื้อหาและส่วนของการเชื่อมโยง

2. ปรับแต่งคอนเทนต์ภายในเว็บเพจและหน้าเว็บไซต์

การปรับแต่งเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ถูกค้นหาง่ายขึ้น หรือที่เรียกว่า On-Page SEO โดยมีเทคนิคพื้นฐานดังต่อไปนี้

(1) ออกแบบให้เนื้อหาของแต่ละเว็บเพจให้มีหัวข้อหลักเพียงหัวข้อเดียวและให้หัวข้อย่อยที่เกี่ยวข้องอยู่ในหน้าเว็บเพจเดียวกัน เป็นเทคนิคที่ทำให้ผู้อ่านจะใช้เวลาบนหน้าเว็บเพจนานขึ้น และจะถูกรับรู้ว่าเป็นคอนเทนต์คุณภาพที่ดึงดูดผู้อ่านโดย Search Engine

(2) ทำคอนเทนต์ให้ตรงกับสิ่งที่คนค้นหา เมื่อเนื้อหาตรงกับความต้องการ ผู้อ่านก็จะอยู่บนหน้าเว็บเพจนานขึ้น วิธีง่าย ๆ ในการค้นหาความต้องการคือทดลองค้นใน google ว่ามีคอนเทนต์อะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งพอทำให้เรารู้ว่าคนต้องการเนื้อหาแบบไหนบ้าง

(3) การอธิบายคอนเทนต์ในหน้าเว็บเพจที่ Meta Tag ซึ่งจะอยู่ใน Source Code ของเว็บไซต์ แต่จะไม่แสดงไว้บนหน้าเว็บไซต์ Meta Tag ทำให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บเพจนี้มีหัวข้อหรือเนื้อหาอะไรบ้าง

(4) แสดงที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต หรือ URL โดยให้มีคีย์เวิร์ดปนอยู่ใน URL และเลือกใช้ตัวอักษรหรือที่บอกว่าเป็นเว็บเพจเกี่ยวกับอะไร

(5) ออกแบบหัวข้อบทความ (Heading Tag) ที่ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว Search Engine จะให้ความสำคัญกับข้อความที่เป็นหัวข้อมากกว่าข้อความทั่วไป

(6) การใช้รูปภาพเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน และไม่ออกจากหน้าเว็บเพจเร็วเกินไป ทุกรูปควรใส่คำอธิบายรูปที่มีคีย์เวิร์ดแทรกไว้ใน HTML Code ด้วยเพื่อให้ Search Engine เข้าใจว่าเป็นรูปเกี่ยวกับอะไร

(7) มีความเร็วในการแสดงเนื้อหาของเว็บเพจ เพื่อไม่ให้ผู้อ่านรอนานและออกจากเว็บเพจไปก่อน

3. ทำให้คอนเทนต์ถูกค้นหาจากเว็บไซต์ภายนอก

เราสามารถทำ Off-Page SEO โดยการทำ backlink คือการที่ให้เว็บไซต์อื่นลิงค์มายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ และส่งผลต่อการจัดอันดับของการค้นหา

การทำ SEO เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักธุรกิจของเราผ่าน Search Engine โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดอันดับการค้นหา ได้ลูกค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากคนที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรามีความสนใจในสินค้าและบริการนั้นอยู่แล้ว และส่งผลให้มีโอกาสในการขายมากขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ติดอันดับด้วย SEO

Jimbe Allen
19/11/2022
เพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ติดอันดับด้วย SEO

หากต้องการทำยอดขายหรือให้มีจำนวนผู้เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณมากที่สุดแนะนำการใช้ SEO ที่ย่อมา จาก Search Engine Optimize เป็นการนำเสนอในรูปแบบเนื้อหาโดยใช้คีย์เวิร์ดที่มีจำนวนผู้ค้นหามากที่สุดเข้า มาประกอบ ทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าโปรโมตใด ๆ วันนี้เพื่อให้คนที่ต้องการทำการตลาดให้เว็บไซต์ของตัวเอง ทราบว่าทำ SEO ดีอย่างไรและมีเรื่องใดที่จำเป็นต้องรู้

1.ประหยัดค่าโปรโมตทางการตลาด เพราะเป็นสื่อออนไลน์ที่มีให้คุณได้ใช้ฟรี ๆ ใครที่งบน้อยถือเป็นโอกาสอันดีที่คอนเทนต์จะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

2.สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้า หากมีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักมากเท่านั้น ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น

3.เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพราะความสนใจของลูกค้าหรือผู้บริโภคมีไม่สิ้นสุด จึงควรนำเสนอเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

4.เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามต้องการ โดยคีย์เวิร์ดเป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือที่ผู้ที่กำลังสนใจสินค้าหรือเนื้อหาภายในเว็บ

5.สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจเดียวกัน ฉะนั้นการเลือกใช้ SEO จะเป็นตัวช่วยสำคัญ ยิ่งเว็บหรือสินค้าสามารถทำอันดับได้ดีมากเท่าไหร่ จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยาก

รู้ทันการใช้ SEO เพื่อทำการตลาด ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากข้อมูลข้างต้นคุณคงได้เห็นแล้วว่าประสิทธิภาพในการทำ Search Engine ลักษณะนี้ เป็นการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพมากแค่ไหน เพื่อให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เราไปศึกษาเพิ่มเติมกันว่าหากต้องทำโปรโมตรูปแบบนี้มีกระบวนการทำงานเป็นอย่างไร

การประมวลผล Search Engine แบบอัลกอริทึม (Algorithm) ทำให้การค้นหาข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ อย่างใน 1 ปี Google จะทำประมาณ 500-600 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง/วัน ฉะนั้นต้องติดตามและวางแผนอยู่เสมอในความเปลี่ยนแปลงนี้

กว่าที่เว็บจะติดอันดับได้นั้นต้องใช้เวลานานมากทีเดียว ต่างจากการทำโปรโมตแบบ Pay Per Click คือ การทำโปรโมตที่มีค่าใช้จ่าย โดยต้องมียอดคลิกเข้ามาชมก่อนเท่านั้น

หาคนผลิตเนื้อหาโดยใช้ SEO อย่างมีคุณภาพและเข้าใจถึงหลักการยาก จึงเป็นเรื่องยากหากคุณต้องการเอาชนะคู่แข่งด้วยวิธีนี้

ในเวลานี้โลกออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบไม่จำกัด แต่จะทำอย่างไรให้คนหันมาใช้บริการหรือค้นหาสินค้าของคุณบ่อยที่สุด จึงทำให้เหล่านักการตลาดและผู้ทำเว็บไซต์ใช้ SEO เข้ามาช่วยให้ลูกค้ามองเห็นเนื้อหาที่กำลังนำเสนอได้มากขึ้นและสิ่งหนึ่งที่จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ก็คือคุณภาพที่สม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการโปรโมต

รวมเทคนิคการทำ SEO On Page ที่นักพัฒนาเว็บไซต์ไม่ควรพลาด

Jimbe Allen
01/10/2022
รวมเทคนิคการทำ SEO On Page ที่นักพัฒนาเว็บไซต์ไม่ควรพลาด

การที่จะให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าค้นหาใน Search Engine ได้ นอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบและข้อกำหนดของ Search Engine นั้น ๆ แล้ว ยังต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้ใหม่อยู่เสมอ ซึ่งในวันนี้จะพาไปรู้จักกับการ 7 เทคนิคการทำ SEO แบบ On Page ให้ได้รู้จักเพื่อที่จะนำไปปรับใช้ให้ Search Engine ได้รู้จักและค้นหาเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

SEO On Page คืออะไร

คือ เนื้อหาหรือข้อมูลภายในเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับในการค้นหาของ Search Engine โดยเนื้อหา ข้อมูลจะต้องบอกได้ว่าเว็บไซต์นี้ทำอะไร หรือมีประโยชน์อย่างไรแก่คนที่กำลังค้นหา

เทคนิคการทำ SEO On-Page ให้ถูกใจ Search Engine

คอนเทนต์หรือบทความจะต้องมีประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน การที่ Search Engine จะแนะนำเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งาน จะต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีบทความหรือคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริง โดยจะต้องระบุถึงสิ่งที่เขียน เกี่ยวข้องกับเพจอย่างไร ตลอดจนการใช้ Keyword ให้ครอบคลุมเนื้อหา ซึ่งปัจจุบันการใช้ Keyword เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ อาจต้องใช้ LSI Key เข้ามาช่วย หรือการใช้ Keyword ที่มีความยาวมากขึ้น หรือการมีคำอธิบายเกี่ยวกับ Keyword ที่เกี่ยวข้องในหน้าเพจนั้น ๆ

รูปภาพที่นำมาใช้งาน ควรเป็นรูปต้นฉบับ กล่าวได้ว่า Search Engine เน้นในเรื่องของลิขสิทธิ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรูปภาพที่มาจากต้นฉบับ เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในการถ่ายรูปด้วยตนเอง ควรถ่ายให้มีความชัดและแสดงถึงแบรนด์ของเราให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาและหมดปัญหาในเรื่องของลิขสิทธิ์ด้วย

ทำลิงก์ภายในเพื่อเชื่อมโยงเนื้อหา (Internal Link) ภายในเว็บ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์จากการติดตามเนื้อหาได้อย่างถูกต้องและไม่สับสน ดังนั้น ควรทำการสำรวจลิงก์ภายในให้ได้ ไม่ควรมี Page Not Found

ติดเทอร์โบให้เว็บไซต์ รู้หรือไม่ว่าการที่เว็บไซต์โหลดหน้าเพจต่าง ๆ ด้วยความเร็ว มีส่วนช่วยให้ผู้ใช้งานกลับมาใช้ซ้ำได้และยังมีส่วนช่วยในการจัดอันดับค้นหาอีกด้วย ดังนั้น อะไรที่ทำให้เว็บโหลดได้เร็วและไวที่สุดทำไปเลย

Voice Search SEO ต้องมีจะได้ไม่ตกเทรน เพราะปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ดังนั้น หากไม่อยากตกเทรนรีบจัดการด่วน เพราะ Google เองก็มีฟังก์ชันในส่วนของการค้นหาด้วยเสียงแล้วนะ

Image Title และ Image Alt Text ควรตั้งให้มีความหมายมากขึ้น เพื่อการค้นหาของ Search Engine ที่ง่ายขึ้นนั่นเอง

Featured Snippets ฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด ในการทำคอนเทนต์พยายามให้ติด Featured Snippets ให้มากที่สุด เพราะเนื้อหาที่ปรากฏจะอยู่บนสุดของการค้นหานั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิคในการทำ On Page SEO ให้ติดอันดับหน้าค้นหา ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเองแล้วละว่าจะสามารถทำได้ดีมากน้อยเพียงใด

ก้าวสู่อาชีพ SEO Content Writing ต้องรู้อะไรบ้าง ?

seo content writing

SEO Content Writing คือ อาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในการทำอันดับบน Search Engine และ Social media ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีความต้องการมากในปัจจุบัน

SEO Content Writing ต้องทำอะไรบ้าง? สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็น SEO Content Writing มีความแตกต่างจากการเป็นนักเขียนทั่วไปเพราะต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด วางโครงสร้างคอนเทนต์และการเขียนคอนเทนต์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอันดับ โดยขั้นตอนในการทำ SEO Content ที่ดี มีดังนี้

  1. วางแผนบทความ SEO (SEO Content Planning) การวางแผนบทความเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการทำ SEO Content ทำให้ผู้ที่ต้องการเป็น SEO Content Writing จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการศึกษา 2 สิ่ง คือ
    • คำค้นหา (Keyword) เลือกคำค้นหาที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งแต่การเลือกคำค้นหาที่มีจำนวนการค้นหาเยอะไม่ตอบโจทย์ต่อการสร้างสรรค์บทความที่มีคุณภาพเสมอไป การใช้เวลาในการค้นคว้าเรื่องคำค้นหาที่มีกลุ่มเป้าหมายค้นหา + มีอัตราการแข่งขันต่ำและมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของบทความจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้บทความมีคุณภาพมากขึ้น
    • วัตถุประสงค์ในการค้นหา (Search intents) การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะต้องตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายค้นหาคำว่า “ราคาเครื่องคอมพิวเตอร์” แต่กลับค้นเจอบทความอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ทำให้บทความนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบโจทย์ตามที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ
  2. การเรียบเรียงบทความ (SEO Copywriting) เมื่อทำการค้นคว้าหาข้อมูลที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่าง Keyword และ Search intent เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเรียบเรียงเนื้อหาบทความให้มีคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการลองค้นหาข้อมูลใน Search Engine หรือ Social media และดูว่าข้อมูลที่แสดงให้เห็นนั้นเป็นแนวทางไหนและเริ่มต้นเขียนบทความให้มีข้อมูลที่ครอบคลุม รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
    • สำหรับผู้ที่อยากเป็น SEO Content Writing สามารถเริ่มด้วยการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์จาก YouTube หรือลงคอร์สเรียนที่มีประกาศนียบัตร โดยหลักสูตรที่มีผู้เชี่ยวชาญให้การรับรอง ได้แก่
    • SEO Content Writing (Online) เขียนคอนเทนต์ให้ติดอันดับ SEO อย่างมือโปร ได้ด้วยตัวเอง ของ ContentShifu สอนโดยคุณอรวี สมิทธิผล Co-Founder & Content Director, Content Shifu รวมถึงเป็นวิทยากรด้านคอนเทนต์ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Blogger’s Bootcamp by CP All ฯลฯ ราคาค่าคอร์สเพียง 3,900 บาท
    • คลาสสอน SEO ฟรี,​ คอร์ส SEO แบบเรียนออนไลน์, สอน SEO สำหรับองค์กร และคลาส SEO แบบเรียนสด โดยคุณชลากร เบิร์ก SEO Growth Marketer และ เจ้าของเพจ โบ๊ะบ๊ะสไตล์ by Chalakorn Berg ผู้มีประสบการณ์ทั้งสายการตลาด และ Product มากกว่า 10 ปีทำงานกับบริษัทมาหลากหลายรูปแบบ ทั้ง SMEs, Startups, และบริษัทขนาดใหญ่ แต่เปิดคอร์สเรียนปีละ 1 – 2 ครั้งเท่านั้น

หากต้องการเป็น SEO Content Writing สามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการลงทุนกับการเรียน จากนั้นลงมือสร้างคอนเทนต์ SEO และค่อย ๆ พัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ

ทำไมธุรกิจควรมีเว็บไซต์ เพื่อทำการตลาดออนไลน์

ทำไมธุรกิจควรมีเว็บไซต์ เพื่อทำการตลาดออนไลน์

ปัจจุบันธุรกิจควรมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเนื่องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหันมาจับจ่ายซื้อของทุกอย่างผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์มีมากขึ้น รวมไปถึงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายทางอินเทอร์เน็ตเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ต้องเปิดตัวเว็บไซต์เป็นอย่างแรกเพื่อการทำตลาดออนไลน์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง

การเปิดเว็บไซต์ของตัวเองมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและการขายแบบออนไลน์ ถามว่าในเว็บไซต์ต้องมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าการออกแบบเว็บไซต์จำเป็นต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร โดยวิเคราะห์สินค้าหรือบริการของเราว่าเหมาะกับใคร ลูกค้าช่วงวัยไหน มีรายได้เท่าไร และข้อมูลเบื้องต้นอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อการออกแบบเว็บไซต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกับการเขียนบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าและแบรนด์ตรงกับความสนใจของลูกค้า อธิบายข้อมูลได้อย่างละเอียดชัดเจน สามารถแชร์ข้อมูลออกไปทำให้คนเห็นมากขึ้น

ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว

การค้นหาสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตทำได้ง่าย กดสั่งซื้อและชำระเงินสะดวกรวดเร็ว รอรับของที่บ้านได้เลย ทำให้เว็บไซต์กลายเป็นช่องทางจำหน่ายที่ลูกค้าเลือกใช้บริการมากขึ้น สามารถทำการตลาดและเผยแพร่ข้อมูลขายสินค้าหรือบริการได้อย่างมั่นคง พร้อมกันนี้การนำ SEO เข้ามาใช้ช่วยให้ค้นพบเว็บไซต์ง่ายขึ้น ซื้อขายสะดวกรวดเร็วตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้ทันที

แชทสอบถามความพึงพอใจและปัญหาที่พบเจอ

ระบบ Chat เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าสอบถามข้อสงสัยทำให้เกิดความประทับใจและสร้างยอดขายได้จริง เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีช่องทางแชทเพื่อให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลและข้อสงสัยต่างๆ ขณะเดียวกันยังสามารถร้องเรียนปัญหาความผิดพลาดต่างๆ ในทางกลับกันก็เป็นช่องทางให้ธุรกิจได้อธิบายและแก้ปัญหาให้จนกระทั่งลูกค้าพอใจและเชื่อมั่นในธุรกิจมีโอกาสปิดยอดขายมากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถนำปัญหาที่ลูกค้าพบเจอมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น พร้อมกับโพสต์รีวิวสินค้าบนหน้าเว็บไซต์เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีก

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ค้นเจอง่าย

หลังจากที่เจ้าของธุรกิจเปิดเว็บไซต์ของตัวเองแล้วซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ควรใช้กลยุทธ์การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของผลลัพธ์การค้นหาทาง Google ทำให้ลูกค้าเป้าหมายที่กำลังสนใจและค้นหาสินค้าหรือบริการอยู่ได้ค้นเจอเว็บไซต์ของเราก่อนคู่แข่ง ไม่เพียงเพิ่มอิสระในการขายเท่านั้น แต่ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่องได้แม้จะมีจำนวนคู่แข่งในตลาดเดียวกันมากขึ้นก็ตาม

SEO กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายหรือสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการผ่านทางออนไลน์ ถือเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาผ่านช่องทางอื่นๆ กระบวนการทำ SEO ถ้าทำได้ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกๆ และต้องดูแลอยู่เสมอ อย่างน้อยต้องทำการอัปเดตข้อมูลหรือเพิ่มบทความอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รักษาอันดับการค้นไว้ได้ ยิ่งค้นเจอเว็บไซต์ของเราเท่าไรยิ่งมีโอกาสจับลูกค้าได้อยู่หมัดมากขึ้น