ประโยชน์จากการทำ SEO ในยุค 2024

ประโยชน์จากการทำ SEO ในยุค 2024

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยมีประโยชน์หลายประการดังนี้:

เพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนเครื่องมือค้นหา

การทำ SEO ช่วยเว็บไซต์และเนื้อหาในการปรับปรุงเพื่อให้ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google ซึ่งเพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชมมากขึ้น

เพิ่มการเข้าถึงและการเผยแพร่

การปรับปรุงเนื้อหาเพื่อเข้ากับคำค้นหาที่เป็นที่ต้องการของผู้ใช้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสในการเผยแพร่และการแบ่งปันเนื้อหามากขึ้น

เพิ่มการสร้างยอดขายและการทำธุรกิจ

การเข้าถึงที่ดีในผลการค้นหาช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้เพิ่มยอดขายและรายได้ของธุรกิจ

ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

การทำ SEO อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา เนื่องจากเมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนในโฆษณาที่แพงอีกต่อไป

การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

การทำ SEO มักจะไปพร้อมกับการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้บนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดความพึงพอใจและการกลับมาใช้บริการอีกครั้งในอนาคต

ในยุคปัจจุบัน การทำ SEO ยังคงเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างและเพิ่มความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์และการตลาดอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริง

ทำ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google อย่างรวดเร็ว

ทำ SEO อย่างไร ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google อย่างรวดเร็ว

โดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่บน Google ในหน้าแรกและลำดับต้นๆ มักจะมีคนคลิกเข้าไปดูบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่หน้าถัดไป จึงทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมมากขึ้น และการที่เว็บไซต์ร้านค้าของคุณอยู่อันดับต้น ๆ ก็จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แล้วเราควรทำเว็บไซต์อย่างไรจึงจะติดอันดับบน Google ตามไปดูกันเลย

ขั้นตอนการทำ SEO ให้ติดอันดับ

SEO ย่อมาจาก Search engine optimization เป็นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและติดอันดับบน Google เพื่อให้ผู้คนมองเห็นเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบ และเนื้อหาบนเว็บไซต์ ขั้นตอนเหล่านี้อาจจะเป็นเพียงภาพกว้าง ๆ ในการทำ SEO ให้ติดอันดับแรกๆอย่างรวดเร็วได้ ช่วยให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นได้และเป็นโอกาสที่ทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยไม่ต้องเสียเงินยิง Ads

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ ในการเลือกใช้คีย์เวิร์ดควรเลือกใช้คำที่คนส่วนใหญ่มักจะใช้ค้นหากันและมีปริมาณการค้นหาจำนวนหนึ่ง การใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงในเว็บไซต์ธุรกิจจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเปลี่ยนผู้ชมเว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าได้

เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องมีคุณภาพ อ่านง่าย มีความยาวไม่น้อยกว่า 500 คำ และใส่คีย์เวิร์ดในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากจนเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจจะทำให้ Google ตรวจจับไม่เจอ หรือเยอะเกินไปจน Google มองว่าเป็นสแปม

ออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย เขียนบทความโดยอิงตามโครงสร้างของ SEO คอนเทนต์บนเว็บไซต์ต้องมีความสดใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ บทความที่ดีควรสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ก๊อบปี้คนอื่น ถ้ามีการแปะลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพก็ช่วยให้คะแนนของเว็บไซต์สูงขึ้น

SEO กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ไม่ควรมองข้าม

ทุกวันนี้ผู้คนพึ่งพาการค้นหาบน Google จำนวนมากและพฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่มักจะสืบค้นบนอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือทำอะไร เมื่อมีคนค้นหาสินค้าเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา แล้วเว็บไซต์ของเราปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของ Google ก็จะทำให้เว็บไซต์ของเราดูน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ SEO จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ในปัจจุบันการทำ SEO กับเว็บไซต์มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เพราะจะทำให้ธุรกิจของคุณเกิดรายได้มากมาย เพียงแต่ใช้เวลาและมีเคล็ดลับในการทำ SEO เราก็สามารถทำให้เว็บไซต์ของเราไปปรากฏบนลำดับต้น ๆ ได้แล้ว

ก้าวสู่อาชีพ SEO Content Writing ต้องรู้อะไรบ้าง ?

seo content writing

SEO Content Writing คือ อาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในการทำอันดับบน Search Engine และ Social media ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีความต้องการมากในปัจจุบัน

SEO Content Writing ต้องทำอะไรบ้าง? สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็น SEO Content Writing มีความแตกต่างจากการเป็นนักเขียนทั่วไปเพราะต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด วางโครงสร้างคอนเทนต์และการเขียนคอนเทนต์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอันดับ โดยขั้นตอนในการทำ SEO Content ที่ดี มีดังนี้

  1. วางแผนบทความ SEO (SEO Content Planning) การวางแผนบทความเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการทำ SEO Content ทำให้ผู้ที่ต้องการเป็น SEO Content Writing จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการศึกษา 2 สิ่ง คือ
    • คำค้นหา (Keyword) เลือกคำค้นหาที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งแต่การเลือกคำค้นหาที่มีจำนวนการค้นหาเยอะไม่ตอบโจทย์ต่อการสร้างสรรค์บทความที่มีคุณภาพเสมอไป การใช้เวลาในการค้นคว้าเรื่องคำค้นหาที่มีกลุ่มเป้าหมายค้นหา + มีอัตราการแข่งขันต่ำและมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของบทความจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้บทความมีคุณภาพมากขึ้น
    • วัตถุประสงค์ในการค้นหา (Search intents) การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะต้องตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายค้นหาคำว่า “ราคาเครื่องคอมพิวเตอร์” แต่กลับค้นเจอบทความอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ทำให้บทความนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบโจทย์ตามที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ
  2. การเรียบเรียงบทความ (SEO Copywriting) เมื่อทำการค้นคว้าหาข้อมูลที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่าง Keyword และ Search intent เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเรียบเรียงเนื้อหาบทความให้มีคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการลองค้นหาข้อมูลใน Search Engine หรือ Social media และดูว่าข้อมูลที่แสดงให้เห็นนั้นเป็นแนวทางไหนและเริ่มต้นเขียนบทความให้มีข้อมูลที่ครอบคลุม รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
    • สำหรับผู้ที่อยากเป็น SEO Content Writing สามารถเริ่มด้วยการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์จาก YouTube หรือลงคอร์สเรียนที่มีประกาศนียบัตร โดยหลักสูตรที่มีผู้เชี่ยวชาญให้การรับรอง ได้แก่
    • SEO Content Writing (Online) เขียนคอนเทนต์ให้ติดอันดับ SEO อย่างมือโปร ได้ด้วยตัวเอง ของ ContentShifu สอนโดยคุณอรวี สมิทธิผล Co-Founder & Content Director, Content Shifu รวมถึงเป็นวิทยากรด้านคอนเทนต์ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Blogger’s Bootcamp by CP All ฯลฯ ราคาค่าคอร์สเพียง 3,900 บาท
    • คลาสสอน SEO ฟรี,​ คอร์ส SEO แบบเรียนออนไลน์, สอน SEO สำหรับองค์กร และคลาส SEO แบบเรียนสด โดยคุณชลากร เบิร์ก SEO Growth Marketer และ เจ้าของเพจ โบ๊ะบ๊ะสไตล์ by Chalakorn Berg ผู้มีประสบการณ์ทั้งสายการตลาด และ Product มากกว่า 10 ปีทำงานกับบริษัทมาหลากหลายรูปแบบ ทั้ง SMEs, Startups, และบริษัทขนาดใหญ่ แต่เปิดคอร์สเรียนปีละ 1 – 2 ครั้งเท่านั้น

หากต้องการเป็น SEO Content Writing สามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการลงทุนกับการเรียน จากนั้นลงมือสร้างคอนเทนต์ SEO และค่อย ๆ พัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ

ทำไมธุรกิจควรมีเว็บไซต์ เพื่อทำการตลาดออนไลน์

ทำไมธุรกิจควรมีเว็บไซต์ เพื่อทำการตลาดออนไลน์

ปัจจุบันธุรกิจควรมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเนื่องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหันมาจับจ่ายซื้อของทุกอย่างผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์มีมากขึ้น รวมไปถึงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายทางอินเทอร์เน็ตเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ต้องเปิดตัวเว็บไซต์เป็นอย่างแรกเพื่อการทำตลาดออนไลน์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง

การเปิดเว็บไซต์ของตัวเองมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและการขายแบบออนไลน์ ถามว่าในเว็บไซต์ต้องมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าการออกแบบเว็บไซต์จำเป็นต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร โดยวิเคราะห์สินค้าหรือบริการของเราว่าเหมาะกับใคร ลูกค้าช่วงวัยไหน มีรายได้เท่าไร และข้อมูลเบื้องต้นอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อการออกแบบเว็บไซต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกับการเขียนบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าและแบรนด์ตรงกับความสนใจของลูกค้า อธิบายข้อมูลได้อย่างละเอียดชัดเจน สามารถแชร์ข้อมูลออกไปทำให้คนเห็นมากขึ้น

ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว

การค้นหาสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตทำได้ง่าย กดสั่งซื้อและชำระเงินสะดวกรวดเร็ว รอรับของที่บ้านได้เลย ทำให้เว็บไซต์กลายเป็นช่องทางจำหน่ายที่ลูกค้าเลือกใช้บริการมากขึ้น สามารถทำการตลาดและเผยแพร่ข้อมูลขายสินค้าหรือบริการได้อย่างมั่นคง พร้อมกันนี้การนำ SEO เข้ามาใช้ช่วยให้ค้นพบเว็บไซต์ง่ายขึ้น ซื้อขายสะดวกรวดเร็วตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้ทันที

แชทสอบถามความพึงพอใจและปัญหาที่พบเจอ

ระบบ Chat เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าสอบถามข้อสงสัยทำให้เกิดความประทับใจและสร้างยอดขายได้จริง เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีช่องทางแชทเพื่อให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลและข้อสงสัยต่างๆ ขณะเดียวกันยังสามารถร้องเรียนปัญหาความผิดพลาดต่างๆ ในทางกลับกันก็เป็นช่องทางให้ธุรกิจได้อธิบายและแก้ปัญหาให้จนกระทั่งลูกค้าพอใจและเชื่อมั่นในธุรกิจมีโอกาสปิดยอดขายมากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถนำปัญหาที่ลูกค้าพบเจอมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น พร้อมกับโพสต์รีวิวสินค้าบนหน้าเว็บไซต์เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีก

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ค้นเจอง่าย

หลังจากที่เจ้าของธุรกิจเปิดเว็บไซต์ของตัวเองแล้วซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ควรใช้กลยุทธ์การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของผลลัพธ์การค้นหาทาง Google ทำให้ลูกค้าเป้าหมายที่กำลังสนใจและค้นหาสินค้าหรือบริการอยู่ได้ค้นเจอเว็บไซต์ของเราก่อนคู่แข่ง ไม่เพียงเพิ่มอิสระในการขายเท่านั้น แต่ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่องได้แม้จะมีจำนวนคู่แข่งในตลาดเดียวกันมากขึ้นก็ตาม

SEO กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายหรือสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการผ่านทางออนไลน์ ถือเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาผ่านช่องทางอื่นๆ กระบวนการทำ SEO ถ้าทำได้ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกๆ และต้องดูแลอยู่เสมอ อย่างน้อยต้องทำการอัปเดตข้อมูลหรือเพิ่มบทความอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รักษาอันดับการค้นไว้ได้ ยิ่งค้นเจอเว็บไซต์ของเราเท่าไรยิ่งมีโอกาสจับลูกค้าได้อยู่หมัดมากขึ้น

Google Trends มีประโยชน์กับธุรกิจออนไลน์อย่างไร ?

Google Trends

หากคิดถึงการทำ Search Engine Optimization seo หรือ SEO คือ หนึ่งในเครื่องมือการทำการตลาดบน Search Engine หรือ SEM (Search Engine Marketing) แบบไม่เสียเงิน โดยข้อดีในการทำ SEO บนเว็บไซต์ไม่เพียงแต่จะช่วยให้หน้าเว็บติดอันดับอย่างยั่งยืนบนหน้าแรกของ Google (Search Engine อันดับ 1 ของโลก) แต่ยังช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าหรือบริการบนหน้าเว็บไซต์ด้วย โดย Google Trends เป็นหนึ่งใน SEO Tools ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น

google trends คืออะไร ?

google trends คือ เครื่องมือช่วยเช็คเทรนด์ Keyword ที่นำมาใช้ในการค้นหาใน Google Search ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยเฉพาะการตีตลาดกลุ่ม ผลบอลสด7m ที่มีการแข่งขันสูง ยิ่งจำเป็นต้องใช้ เพราะในบางครั้งการเลือกคำโดยไม่ใช้ Google Trends ช่วยวิเคราะห์อาจทำให้เสียเวลาในการทำ Content ได้ เพราะ Keyword หรือคำที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบางคำเป็นคำตกยุค หรือเป็นคำที่เป็นกระแสแค่ช่วงสั้น ๆ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

google trends เป็นเครื่องมือที่ให้บริการฟรี! โดยผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถเข้าสู่เว็บไซต์ได้จากลิงก์ https://trends.google.co.th/trends/?geo=TH เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์จะพบกับช่องค้นหาที่เราสามารถใส่ Keyword ที่ต้องการลงไป หลังจากที่ใส่ Keyword เราสามารถเลือกดูเทรนด์ความสนใจได้ด้วยการเลือกภาษาที่ใช้ในการค้นหา, ระยะเวลา, หมวดหมู่และ Search Engine ที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้วระบบจะแสดงผลลัพธ์เกี่ยวกับภูมิภาคที่ค้นหามากที่สุด 5 อันดับ พร้อมแนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องและหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ได้ นอกจากนี้ google trends ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยในการเปรียบเทียบคำค้นหาที่ช่วยให้การตัดสินใจเลือก Keyword ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นตอนการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจออนไลน์

  • เขียนคำค้นหา (Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยเราสามารถลิสจากคำที่เรานึกออกหรือนำลิงก์เว็บไซต์คู่แข่งไปค้นหาใน Keyword Research Tools เพื่อดู Keyword ที่เว็บไซต์คู่แข่งนำมาใช้
  • นำคำค้นหา (Keyword) ที่ได้มาวิเคราะห์ด้วย Keyword Research Tools เพื่อดูปริมาณการค้นหา, ระดับความยากในการแข่งขันและดูคำค้นหาที่เกี่ยวข้องที่สามารถนำมาปรับใช้ในการสร้าง Content เพิ่มเติม
  • นำคำค้น (Keyword) ค้นหาใน Google Trends เพื่อตรวจสอบเทรนด์ความสนใจว่าคำค้นหาที่จะนำมาใช้ยังเป็นที่นิยมหรือไม่
  • นำคำค้น (Keyword) ค้นหาใน Search Engine ที่ต้องการทำ SEO การนำคำค้นหาที่เราจะนำมาใช้ไปค้นหาใน Search Engine จะช่วยให้เราทราบถึงสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังให้ความสนใจ ซึ่งเราสามารถนำความสนใจนั้นมาใช้ในการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

Google Trends เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่สะดวกสบาย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยในการวิเคราะห์เทรนด์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายด้วยคำค้นหาหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและแนะนำคำค้นหา หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เราสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาหรือต่อยอดธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงใจกลุ่มเป้าหมายหลักมากขึ้น

เพิ่มยอดขายบน Marketplace ด้วย SEO

Marketplace คือ Platform สำหรับช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าออนไลน์ให้มาพบปะกัน โดยในปัจจุบันมีทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมากมาย ซึ่งมาร์เก็ตเพลสที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย คือ Lazada และ Shopee เนื่องจากเป็นแพลทฟอร์มที่มีการใช้งานง่าย

ในปัจจุบันมีคนจำนวนมากให้ความสนใจกับอาชีพ ขายของออนไลน์ เพราะเป็นอาชีพที่เริ่มต้นง่ายและเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้ไวที่สุด แต่ด้วยจำนวนของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายร้านไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

ปัญหายอดขายตกเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น มีจำนวนผู้ขายสินค้าประเภทเดียวกันมากเกินไป, การตัดราคาแข่งขันทำให้เกิดผลกระทบต่อร้านค้าวงกว้างและลูกค้ามองไม่เห็นร้านค้า เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากร้านค้านั้น ๆ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่ง SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อถือ ในปัจจุบัน Marketplace ได้อัปเดตให้ร้านค้าสามารถทำ SEO ได้ แต่น้อยคนที่รู้ถึงความลับนี้ โดยวิธีการทำ SEO ให้กับร้านค้าบน Marketplace สามารถทำได้ดังนี้

วิธีการทำ SEO ให้กับร้านค้า

ตั้งชื่อสินค้าโดยใช้ Keyword โดยการตั้งชื่อสินค้าที่ดีต้องใช้ Niches keyword (คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจง) ผสมกับ Long tail keyword (คีย์เวิร์ดที่มีคำขยาย) เช่น รองเท้าบาสเกตบอลชาย เป็นต้น โดย Keyword เหล่านี้ต้องเป็นคำที่มีคนค้นหาเยอะแต่การแข่งขันต่ำ โดยสามารถหาได้โดยการใช้เครื่องมือ Keyword Research ที่ให้บริการมากมายทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย เมื่อได้คีย์เวิร์ดที่ต้องการ ก็นำมาตั้งชื่อสินค้าและตามด้วยรายละเอียดสินค้า จะทำให้ชื่อสินค้ามีความน่าสนใจมากขึ้น

รูปภาพสินค้า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยดึงดูดสายตากลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การแต่งรูปสินค้นให้มีความน่าสนใจ โดยอาจดูไอเดียการแต่งสินค้าจากสินค้ากลุ่มเดียวกันของร้านอื่น ๆ ที่มีจำนวนผู้ซื้อเยอะจากนั้นตั้งชื่อไฟล์ภาพด้วย Niches keyword

ทำ VDO รีวิวสินค้าสั้น ๆ จะทำให้สินค้ามีความน่าสนใจมากขึ้นและยังทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเห็นสินค้าจริง ซึ่งส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าด้วย

เขียนคำอธิบายสินค้าให้ครอบคลุม การเขียนรายละเอียดสินค้าให้มีความชัดเจนตั้งแต่แรกจะทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า โดยการเขียนคำอธิบายควรใช้ Keyword แทรกลงไปด้วยเพื่อให้สินค้าติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Search Engine นอกจากนี้การเขียนคำอธิบายสินค้าที่ดี จะทำให้ร้านค้าดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

แม้ว่าการนำ Keyword มาใช้ในการทำ SEO ให้กับร้านค้าจะเป็นเรื่องดี ช่วยกระตุ้นยอดขายและการเข้าถึงที่มากขึ้น แต่การใช้ Keyword ในคำอธิบายสินค้ามากเกินไป อาจทำให้กลายเป็นการสแปมคีย์เวิร์ด ซึ่งจะทำให้ร้านค้าเสียความน่าเชื่อถือและถูกลดอันดับในผลการค้นหาได้เช่นกัน

เพิ่มยอดขายบน Marketplace ด้วย SEO

SEO สำคัญกับการขายสินค้าออนไลน์อย่างไร

SEO สำคัญกับการขายสินค้าออนไลน์อย่างไร

การทำเว็บไซต์ออนไลน์เป็นช่องทางการค้าขายที่สำคัญของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากสามารถที่เชื่อมโยงกับลูกค้าได้ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญ คือมีต้นทุนในการทำธุรกิจที่ต่ำเมื่อเทียบกับการต้องเปิดหน้าร้าน โดยทั่วไป

การที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายผ่านการสืบค้นหาด้วย Google ก็คือ การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เพื่อให้มีการจัดอันดับคุณภาพของเว็บไซต์อยู่ในลำดับต้น ๆ ของหน้าจอการสืบค้น การทำ SEO จึงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องให้ความสำคัญและศึกษากลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ประเภทของ SEO แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่

On Page SEO

หมายถึงการพัฒนา ตัวโครงสร้างให้เว็บไซต์ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่พกพามือถือเพื่อสืบค้นข้อมูลได้อย่างสะดวกตลอดวัน นอกจากนี้ ตัวเว็บไซต์ต้องมีความสวยงาม สีสันต้องสบายตา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างจุดเด่นด้วยเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์และใส่ keyword ที่เหมาะสม ซึ่งวิธีการเลือก Keyword ต้องสัมพันธ์กับการสืบค้นหาข้อมูลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น คุณทำเว็บไซต์ขายเครื่องแยกกากกาแฟ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือร้านขายกาแฟและผู้ที่ชื่นชอบการชงกาแฟรับประทานเอง ก็ควรสร้างบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประโยชน์ของกาแฟ รวมถึงความสะดวกของการใช้เครื่องแยกกากกาแฟ ทั้งต้องทำคลิปสาธิตการใช้เครื่องแยกกากกาแฟของคุณว่าใช้งานง่ายและมีความแตกต่างจากสินค้ายี่ห้ออื่นอย่างไร

การมีทีมงานผลิตทั้งเนื้อหาและมีสไตล์การถ่ายทำคลิปที่เป็นเอกลักษณ์ จะสร้างความจดจำให้แก่แบรนด์ของคุณได้ประเภทของ SEO แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่

Off-Page SEO

เป็นการเชื่อมโยงลิงค์จากภายนอกเข้ามาสู่เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณ เช่น การที่คุณไปตอบคำถามที่มีผู้สงสัยเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการดื่มกาแฟ ประโยชน์ของกากกาแฟ หรือแนะนำเครื่องแยกกากกาแฟในห้องแชทออนไลน์หรือกลุ่มในเฟซบุ๊กที่รวมผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟ

การตอบคำถามในสังคมออนไลน์โดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ สามารถเชื่อมโยงกับลิ้งค์ต่างประเทศที่เป็นงานวิจัยหรือผลสถิติ ฯลฯ คู่กับการแนบ Link หรือคลิปสาธิตของเว็บไซต์ธุรกิจคุณ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาหาความรู้เพิ่มเติมหรือสอบถามคุณโดยตรงได้ เป็นเทคนิคที่ดีที่ทำให้คุณได้ขยายกลุ่มลูกค้าเป็นฐานกว้างยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่าน Google, Bing หรือ Facebook เลย

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO มีเทคนิคที่หลากหลาย ซึ่งผู้ที่สนใจขายสินค้าออนไลน์ควรต้องทำการศึกษาและนำไปปรับใช้กับการขายสินค้าของตัวเอง จะทำให้มีเปอร์เซ็นต์การประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านชื่อเสียงและมียอดการจำหน่ายสินค้าสม่ำเสมอตลอดปี

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

SEO คือสิ่งสำคัญหากคุณอยากเด่นอยู่ในตลาด

ต้องยอมรับความจริงว่าโลกปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากสังเกตดูเด็กยุคใหม่ พวกเขาจะสามารถใช้เครื่องมือเครื่องไม้ที่ทันสมัยได้ตั้งแต่อายุยังเล็ก ซึ่งเมื่อคนรุ่นเก่ามองลงไปแล้วเปรียบเทียบกับยุคของตนเอง คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ใจนี้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือการยอมรับและก้าวไปกับโลก ดังนั้น หากคุณอยากจะทำธุรกิจแล้วไม่พลาด อย่าลืมที่จะก้าวตามโลกให้ทัน เว็บไซต์และการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของเว็บด้วยการทำ SEO จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง แน่นอนว่ามันมีผลกระทบอย่างสูงเลยทีเดียว

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า การทำเว็บไซต์ให้เข้าสู่ระบบ SEO เพื่อการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นวิธีการส่งเสริมการขายที่ทรงอิทธิพลมาก แต่หลายคนก็ยังไม่แน่ใจในศักยภาพของระบบ SEO ว่าจะมีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายรายหกเดือนหรือรายปีเป็นอย่างน้อยในการจ้างทำ และยังไม่สามารถการันตีได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน เราจึงได้รวบรวมสิ่งที่คุณจะพลาดไปถ้าไม่พัฒนาเว็บไซต์เข้าสู่ระบบ SEO มาฝากกัน ดังนี้

ขาดโอกาสเพิ่ม traffic หรือยอดจำนวนผู้เข้ามาอ่านบทความ

รวมถึงหาข้อมูลด้านสินค้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเท่ากับว่าคุณจะเสียโอกาสในการขายไปด้วย ซึ่งมันก็จะส่งผลถึงการโปรโมตเว็บไซต์ตัวเอง เพราะการจัดอันดับของ search engine จะดูที่คุณภาพของบทความเป็นองค์ประกอบใหญ่อย่างหนึ่งด้วย หากไม่มีบทความ SEO เท่ากับขาดดาต้าที่จะไปวิเคราะห์เพื่อ ranking อันดับนั่นเอง

คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

อันดับสืบค้นต่ำลง

เมื่อขาดบทความ SEO จะทำให้อันดับในกูเกิ้ลต่ำลง จึงขาดโอกาสที่ดีในการพบปะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการในขณะนั้น เพราะคุณไม่อยู่ในทำเลที่จะสืบค้นเจอได้ง่ายและไปลดทอนศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งเจ้าอื่นในไลน์การผลิตและจำหน่ายสินค้าแบบเดียวกัน โดยเฉพาะการแข่งขันด้านงานบริการอย่าง การโรงแรม การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง

ขาดโอกาสได้ลูกค้ากลุ่มใหญ่จากทั่วโลกแบบ worldwide

เพราะหนทางการพบเจอกันของผู้ทำธุรกิจกับลูกค้านั้นเปลี่ยนไป เชื่อหรือไม่ว่าในปัจจุบันเราสามารถหาลูกค้ากลุ่มใหญ่ รวมถึงกลุ่มลูกค้า Oversea หรือลูกค้าต่างประเทศหรือกลุ่มลูกค้าจากทั่วโลกได้จากอินเตอร์เนท เพียงแต่คุณจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เขารู้จักตัวตนของคุณอย่างแท้จริง เมื่อคุณพลาด ไม่ยอมทำ SEO แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะพลาดก็คือกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ แบบ Worldwide ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่จริง ๆ

ไม่สามารถรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้

อย่าลืมว่าในขณะที่เราไม่ได้ทำ SEO ก็ยังมีบริษัทอื่นๆที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับเราเร่งมือสร้างเว็บไซต์และดัน SEO เพื่อให้เกิดโอกาสในการพบปะลูกค้า ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงลูกค้าที่เป็นลูกค้าของเราก็ได้ หากลูกค้าเราได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากบริษัทอื่นมากกว่า ทั้งการมีโปรโมชั่นมาล่อใจ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยหากคุณปล่อยปละละเลยความสำคัญของการทำ SEO แล้วฝ่ายตรงข้ามก็สามารถคว้าเอาลูกค้าของคุณไปเป็นลูกค้าของเขาได้ในที่สุด

และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่คุณจะพลาดหากไม่นำระบบ SEO มาปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจและแสดงให้เห็นว่ารายจ่ายในการจ้างจะถูกชดเชยด้วยโอกาสทางธุรกิจและกำไรของบริษัทในระยะยาวอย่างที่คุณพอใจ

สิ่งที่พลาด-หากไม่ทำเว็บไซต์-SEO

SEO จำเป็นต้องจ้างทำไหม ในปี 2018

การเซฟค่าใช้จ่ายสำหรับนักธุรกิจ

สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์มือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่การทำเว็บไซต์ด้วยความเข้าใจว่าจะเป็นหน้าร้านในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อาจไม่ทราบว่าการทำ SEO อย่างมืออาชีพในปัจจุบันมีความสำคัญเพียงไร โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นเพียงผู้ใช้งานเว็บไซต์ทั่วไปมาก่อน อาจคุ้นตากับ SEO แบบเน้นการขายลิ้งค์ หรือ Backlink การแชร์โฆษณาซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในอดีตที่จะทำให้ search engine ตีความว่าเป็นการแสดงถึง ความฮิต ของลูกค้าที่ใช้บริการเว็บนั้น ๆ แต่ปัจจุบัน แหล่งสืบค้นข้อมูลทั่วไป ทั้งกูเกิ้ล , บิง , ยาฮู ล้วนใส่ใจและใช้ระบบจัดอันดับ website จากคุณภาพของงานเขียนหรือ content ที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านมากยึ่งขึ้น โดยการทำ SEO จะถูกแทรกไปเป็นส่วนหนึ่งในไม่กี่ตำแหน่งของบทความที่มีคุณภาพ หรือ high quality

ซึ่งเทรนด์ที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้นักธุรกิจต้อง มองใหม่ อีกครั้งว่า สมควรจะจ้างคนทำ SEO ไหม? หากแบบเดิม ๆ ก็มีความจำเป็นต้องจ้างบริษัทที่รับทำด้าน SEO โดยตรง เพราะมุ่งเน้นปริมาณของชิ้นงานเพื่อไปโพสต์ด่วน ๆ แสดงการอัพเดตและแชร์ลิ้งค์มาก ๆ แต่หากเป็นปี 2018 บริษัทใหญ่ ๆ ที่ทำงานในเทรนด์เดิม ๆ จะมีบุคลากรที่มีความสามารถในการเขียนคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณหรือไม่ เป็นเรื่องต้อง ทดสอบ กันก่อนจะจ้างงานยาว ๆ หรืออาจเลือกจ้างเป็นจ็อบ ๆ ตามแหล่ง agency ที่รวบรวมนักเขียน และนักทำ content ฝีมือดีที่มีความรู้และความเข้าใจในการทำ SEO ประกอบเข้ากับความรู้พื้นฐานที่นักเขียนแต่ละคนมีความถนัดในศาสตร์ของตัวเอง ก็จะทำให้ได้บทความที่มีความ ลึกซึ้ง หรือ DEEP ในเชิงคุณภาพมากกว่า

การเซฟค่าใช้จ่ายสำหรับนักธุรกิจ

สำหรับการทำธุรกิจแล้ว การลดต้นทุน ลดรายจ่าย เป็นเรื่องที่เพิ่มรายได้ให้อย่างอัตโนมัติ การจ้างทำ SEO กับบริษัท เอเจนซี่ หรือนักเขียนอิสระ (freelance) ที่ ใช่ จะช่วยให้ธุรกิจได้ save ค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยควรลองจ้างงานเป็นชิ้น ๆ ดูก่อน หากมีแนวโน้มว่า ไปกันได้ และการทำงานสอดคล้อง เข้าขา กันดี ก็จ้างกันยาวเป็นระยะ6 เดือนหรือ 1 ปี หรือจะจ้างแบบอิสระ-ประจำ ก็มีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากการจ้างคนทำ SEO ที่เหมาะสม จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้ว ยังช่วยผลักดันให้เว็บไซต์เป็นที่นิยมและเป็นที่จดจำของลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเสมือน ภาพจำ ที่กลุ่มเป้าหมายจะประทับใจ เลือกใช้บริการ หรือ หันหลังใส่ พร้อมกับบอกต่อ แชร์ หรือ rating ซึ่งส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ต่อความเชื่อมั่นของคนอื่น ๆ ที่กำลังหาข้อมูลหรือต้องการซื้อสินค้า-บริการในธุรกิจนั้น ๆ ด้วย

SEO จำเป็นต้องจ้างทำไหม ในปี 2018

เหตุผลที่ธุรกิจท้องถิ่นกำลังได้เปรียบในการทำ SEO

เหตุผลที่ธุรกิจท้องถิ่นกำลังได้เปรียบในการทำ SEO

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อช่วยในการโปรโมทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จึงจะแข่งขันได้ในโลกอินเทอร์เน็ต ยิ่งคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการทำตลาดในท้องถิ่น ยิ่งมีความได้เปรียบในการทำตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะ การทำ SEO เพราะขณะที่คุณเปิดตัวให้โลกรู้จักกว้างขึ้น ยังสามารถจับความสนใจลูกค้าในท้องถิ่นได้มากขึ้นด้วย หลายคนไม่ทราบมาก่อนว่าการใส่คีย์เวิร์ดค้นหาในเครื่องมือค้นหาอย่าง Google แต่ละคนจะได้ผลลัพธ์ในการค้นหาไม่เหมือนกัน สาเหตุเป็นเพราะ Google เก็บข้อมูลผู้ใช้งานโดยดูจากประวัติว่าเป็นใคร ได้เคยค้นหาอะไรมาก่อน มีตำแหน่งที่อยู่ตรงไหน จากนั้นจึงนำมาประมวลผลด้วยอัลกอริทึ่มที่ชาญฉลาด จะเห็นว่าการค้นหาจะตีกรอบแคบลงเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจท้องถิ่นที่เจาะเป้าหมายลูกค้าในละแวกใกล้เคียงย่อมได้เปรียบมากขึ้น หากคุณเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง มีบริการส่งถึงบ้าน การเก็บรายละเอียดของเครื่องมือค้นหาจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่อาศัยในละแวกใกล้เคียงจะเห็นชื่อร้านของคุณเป็นอันดับแรก ๆ เพราะผลลัพธ์การค้นหาแตกต่างไปจากเดิม การใช้คีย์เวิร์ดใส่ในบทความเพื่อทำ Google จึงต้องเติมรายละเอียดเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด การจัดเรียงอันดับด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กมีความได้เปรียบ แต่ทั้งนี้ยังต้องพึ่งพาคีย์เวิร์ดเฉพาะเพื่อให้ผลการค้นหาตรงกัน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบและประเมินเว็บไซต์ของตัวเองสม่ำเสมอ

บทบาทสำคัญของธุรกิจออนไลน์

การทำตลาดออนไลน์กำลังมีบทบาทสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้คนรู้จักร้านอาหารเปิดใหม่อย่างรวดเร็วเพราะมีโซเชียลมีเดียช่วยสนับสนุนทำประชาสัมพันธ์ให้ฟรี ๆ ทั้งที่ตัวเราเองต้องทำเว็บไซต์และเชื่อมโยงกับสื่อสังคมรูปแบบต่าง ๆ ขณะเดียวกันบรรดาเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ เข้ามาช่วยรีวิวร้านอาหาร ตลอดจนลูกค้าที่เข้ามารับประทานแล้วถูกใจ มีการกดไลค์ กดแชร์ บอกต่อกันปากต่อปาก สามารถลดต้นทุนการโฆษณาจากสื่อเดิมประหยัดทั้งเงินและเวลา ทำให้ในระยะหลังธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากสนใจการใช้โซเชียลมีเดียกันมาก จนกระทั่งละเลยการทำเว็บไซต์ให้ดี ความเป็นจริงแล้วเว็บไซต์นั้นสำคัญกว่าเฟซบุ๊กเพราะเป็นทางการกว่า มีความน่าเชื่อถือ ควรใช้โอกาสดี ๆ นี้แปลงสภาพให้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้าใหม่เพื่อดึงเข้ามาใช้บริการค้นหาข้อมูลและอ่านบทความในเว็บไซต์ให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้ทั้งความสะดวกและประโยชน์จากเนื้อหาของบทความทำให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ได้ไม่ยาก

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางเปิดตัวธุรกิจ ร้านค้าและบริการต่าง ๆ สามารถทำการตลาดออนไลน์ง่ายมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่แพง ธุรกิจท้องถิ่นควรทำ SEO ทั้งเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ไม่ควรมองข้ามหรือละทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทั้งสองรูปแบบจะส่งเสริมกันและกัน ส่งผลให้ธุรกิจท้องถิ่นมีศักยภาพการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะการเลือกลูกค้าใหม่ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการมากที่สุด

บทบาทสำคัญของธุรกิจออนไลน์